[ใหม่] การปลูกมะรุม พืชทองทางเศรษฐกิจ

733 สัปดาห์ ที่แล้ว - กรุงเทพมหานคร - คนดู 1,074
รายละเอียด

การปลูกมะรุม ต้นกล้ามะรุม

โครงการพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ฯ จ.ปัตตานี ลงมือปลูก

มะรุมสายพันธุ์ SK1 จากอินเดีย พบ การเติบโตดีเร็วกว่าพันธุ์ไทย พร้อมส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ

โครงการพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ฯ จ.ปัตตานี ได้ทดลองปลูกมะรุมสายพันธุ์ SK1 จากประเทศอินเดีย พบอัตราการเจริญเติบโตสูงกว่าพันธุ์พืชเมืองไทย เตรียมส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต

จุดเริ่มทดลองการปลูกมะรุม

จากโครงการพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ คณะที่ 2 ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยพลเอก ณพล บุญทับ รองสมุหราชองค์รักษ์ - ประธานคณะทำงานโครงการพระราชดำริในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ และพลเอกธีระพงษ์ ศรีวัฒนกุล หัวหน้าคณะทำงานโครงการพระราชดำริ มีวัตถุประสงค์สนองตามพระราชดำริเพื่อที่จะแสวงหาพันธุ์พืชใหม่ที่น่าสนใจ สามารถปลูกเป็นเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรให้มีรายได้สามารถพึ่งพาตนเอง ซึ่งมะรุมเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่น่าสนใจ โดยร้อยเอกหญิง สาธินี ลิมปิสวัสดิ์ ทหารประจำโครงการได้แนะนำ คุณนิกร กิจการค้า ที่ปรึกษาโครงการฯ ให้นำเมล็ดมะรุม SK1 สายพันธุ์ใหม่จากประเทศอินเดีย มาปลูกในโครงการ เป็นรายแรกของประเทศ และได้ประสานงานกับบริษัทเอกชนในประเทศอินเดีย นำเมล็ดมะรุมที่ผ่านการทดสอบว่ามีการเจริญเติบโตได้ดีกว่าพันธุ์พื้นเมือง นำมาทดลองปลูกในประเทศไทยเพื่อศึกษาทดลองการเจริญเติบโตและความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ รวมถึงมีหน้าที่กระจายเมล็ดพันธุ์มะรุม ไปยังเกษตรกรที่สนใจไปทดลองปลูก

จุดเด่นของสายพันธุ์ SK1

ข้อเปรียบเทียบ สายพันธุ์ SK1 สายพันธุ์พื้นเมืองของไทย
ความสูงของต้น 2.5-3 เมตร 3-6 เมตร
ความยาวของฝัก 70-100 เซนติเมตร 60 ซม.
ปริมาณฝักต่อ 1 ต้น 250-300 ฝัก 150-200 ฝัก
ปริมาณเมล็ดต่อ 1 ฝัก 30-40 เมล็ด 20 เมล็ด
ระยะเวลาที่จะให้ผลผลิต 10-12 เดือน 2-3 ปี
คุณค่าทางอาหาร มากกว่า น้อยกว่า

 

 

 

กว่า 6 เดือนที่ทดลองปลูก พบอัตราการเจริญเติบโตที่สูงมะรุมสายพันธุ์ SK1 สามารถขึ้นได้กับดินทุกชนิด แต่ถ้าในสภาพพื้นที่ที่มีความชื้น ร่มเงา เพียงพอต่อความต้องการของมะรุม จะทำให้เติบโตได้เร็วกว่า 1 เท่าตัวจากการทดลองปลูกเป็นระยะเวลากว่า 6 เดือน พบอัตราการเจริญเติบโตที่เร็วมาก ซึ่งในขณะนี้สามารถติดดอกในรุ่นแรกแล้ว 

วิธีการเพาะเมล็ด

แกะเปลือกหุ้มเมล็ดด้านนอกออกก่อน จึงแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืนจะช่วยให้งอกเร็ว แต่มีข้อจำกัดคือการปลูกในปริมาณน้อย แต่ถ้าต้องการปลูกเป็นจำนวนมาก ก็ไม่จำเป็นต้องแกะเมล็ดออก ให้แช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืนได้เช่นกัน นำไปเพาะในโรงเพาะ ซึ่งมีวัสดุสำหรับเพาะต้นกล้า ดังนี้

วัสดุสำหรับเพาะต้นกล้ามะรุม

ดิน 1 ส่วน / ขี้เถ้าแกลบ 2 ส่วน /มูลวัว 1 ส่วน/มูลค้างคาวเล็กน้อย

วิธีการเพาะ

 ควรเลือกสถานที่เพาะในสภาพกลางแจ้ง ใช้ถุงเพาะขนาด 4x4 หรือ 4x6 เซนติเมตร ใช้ถุงละ 1 เมล็ด หลังจากเพาะเมล็ดมะรุมไปแล้วประมาณ 45-60 วันจึงนำไปย้ายปลูก

การปลูก

ขุดหลุมกว้าง 50 เซนติเมตรระยะห่าง 4x4 เมตรเพื่อไม่ให้ใบชิดกัน และสะดวกในการใช้เครื่องมือในการทำการเกษตร การดูแล เก็บเกี่ยวแต่สามารถปรับระยะได้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน แล้วให้ ปักหลักให้มั่นคง จึงรดน้ำให้ชื้นสม่ำเสมอ เช้า-เย็น

การดูแลรักษาและการให้ปุ๋ยยา

การดูแลมะรุม แนะนำให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นหลัก สำหรับด้านโรคและแมลงนั้นมีน้อยมาก เนื่องจากเป็นไม้ทรงพุ่มใหญ่ มีความต้านทานสูง และอาจจะมีสารบางอย่างที่แมลงไม่ชอบ ในการดูแลเรื่องปุ๋ย สามารถใช้การเร่งการเจริญเติบโตได้ ด้วยปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 15-15-15 หรือ 16-16-16 ได้ แต่ไม่แนะนำ เพราะจะเป็นการเร่งให้ต้นยืดสูง อาจจะลำบากในการเก็บเกี่ยว ส่วนในเรื่องของแมลงนั้น อาจจะมีหนอนชอนใบรบกวนบ้าง แต่ไม่สร้างปัญหา

ระยะเวลาการเก็บเกี่ยว สำหรับการปลูกเพื่อตัดใบ สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อต้นมะรุมอายุ 6-8 เดือน ส่วนการปลูกเพื่อเก็บฝักต้องรอเป็น 10 เดือน แต่หากบำรุงรักษาอย่างเอาใจใส่ มะรุมจะให้ผลผลิตเร็วขึ้น ดังเช่นที่กำลังทดสอบอยู่ ซึ่งปลูกเพียง 6 เดือนก็เริ่มให้ผลผลิต

โอกาสทองทางเศรษฐกิจ พร้อมส่งเสริมให้เป็นพืชอนาคตสดใส

จากผลผลิตที่มีมากกว่าสายพันธุ์พื้นเมือง รวมถึงคุณภาพด้านคุณค่าทางอาหารที่คาดว่าจะมีมากกว่าแล้ว จะช่วยให้ธุรกิจเกี่ยวกับมะรุมดำเนินก้าวสู่ตลาดโลกได้อย่างมีมาตรฐาน ทำให้ผลิตภัณฑ์ของไทยทัดเทียมกับต่างประเทศสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ ตามวัตถุประสงค์ของโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติม ต้องการเมล็ดหรือต้นกล้าไปปลูก ติดต่อได้ที่คุณนิกร 086-378-2971, 081-314-2571