[ใหม่] เปลี่ยน "ขุนช้าง" ให้เป็น "ต้าวช้าง" ด้วยเทคโนโลยีความงาม 2021

68 สัปดาห์ ที่แล้ว - กรุงเทพมหานคร - เขตพระนคร - คนดู 16

9,999 ฿

เปลี่ยน "ขุนช้าง" ให้เป็น "ต้าวช้าง" ด้วยเทคโนโลยีความงาม 2021
อัปเดตเมื่อ 22 เม.ย. 2564


ภาพจาก ช่องวัน


ว่าด้วยเรื่อง ขุนช้างขุนแผน เป็นเสภานิทานมหากาพย์พื้นบ้านไทยที่มีการเล่าขานสืบต่อกันมานานแสนนาน หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดมีปรากฏใน “คำให้การชาวกรุงเก่า” ซึ่งเป็นพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาจากปากคำของเหล่าเชลยศึกที่ถูกพม่ากวาดต้อนไปครั้งเสียกรุงเมื่อปีพ.ศ. 2310 แก่นของเรื่องคือ ความรักสามเส้าของ 1 หญิง คือ นางพิมพิลาไลย (นางวันทอง) กับ 2 ชาย คือพลายแก้ว (ขุนแผน) ชายผู้เพียบพร้อมด้วยสรรพวิชาความรู้และหน้าตาฟ้าประทาน เปรียบได้กับหนุ่มหล่อเจ้าสำอางค์ที่เห็นสาวๆเป็นเครื่องเล่นในปัจจุบันนี้ และขุนช้าง เศรษฐีหนุ่มที่ไม่ได้มีอะไรดีเลยนอกจากความรวยเป็น passive skill แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความรักมั่นต่อนางพิมพิลาไลยชนิดที่ว่าผิดวิสัยลูกเจ้าสัวไฮโซที่ควรจะมากลูกมากเมียยิ่งนัก เรื่องราวความรักของสาวสวยบ้านนากับหนุ่มนายทหารหล่อแต่จนกับเถ้าแก่หัวล้านเหมือนนกตะกรุม ประกอบกับวรรณศิลป์ที่บรรยายชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในยุคสมัยนั้นด้วยถ้อยคำที่ไพเราะและเป็นเอกลักษณ์ จนกลายมาเป็นเรื่องเล่าสนุกสนานชวนติดตามหลายยุคหลายสมัยจนถึงทุกวันนี้


ภาพจาก ช่องวัน


แต่ประเด็นที่เราจะหยิบยกขึ้นมาพูดถึงในครั้งนี้มิใช่เรื่องราวในแง่มุมประวัติศาสตร์แต่อย่างใด หากแต่เป็นประเด็นที่เรื่องราวขุนช้างขุนแผนสะท้อนให้เราได้เห็นในแง่มุมที่ว่า ไม่ว่ายุคสมัยจะผ่านไปนานสักเพียงไหน แต่เราก็เห็นได้ว่าคนเราก็ยังให้ความสำคัญกับ Looks หรือว่าหน้าตาผิวพรรณภายนอกเป็นสำคัญอยู่ดี เห็นได้จากการอวยขุนแผนที่หน้าตาหล่อเหลา ยกเป็นพระเอกของเรื่อง ส่วนขุนช้างที่รูปชั่วตัวอ้วนก็ต้องรับบทผู้ร้ายไป ถึงแม้หากพิจารณาลงไปให้ดีถึงนิสัยใจคอในแง่ของความเป็นสุภาพบุรุษและการรักเดียวใจเดียวนั้น ขุนแผนจะไม่มีข้อนี้อยู่เลยก็ตาม


ประเด็นที่ว่าขุนช้างเกิดมาถูกบุลลี่และรังเกียจด้วยรูปลักษณ์ภายนอกตั้งแต่เล็กจนโต จนถึงขั้นเป็นปมให้ถูกรังเกียจจากคนรอบข้างนั้น แม้ว่าในความเป็นจริงมันจะเป็นแนวเรื่องที่ดูจะเกินจริงไปหน่อย โดยเฉพาะหากคนๆนั้น “รวย” ด้วยแล้วล่ะก็ รูปกายอัปลักษณ์อาจจะเป็นปัญหารองๆในโลกแห่งความเป็นจริงก็ได้ อย่างไรก็ดี ในยุคสมัยนั้นการเป็นคนรวยอาจจะไม่สามารถทำอะไรกับปัญหารูปลักษณ์ได้มากนักด้วยข้อจำกัดทางเทคโนโลยีต่างๆ หากแต่ถ้าเรามองว่า นี่ศตวรรษที่ 21 แล้วเทคโนโลยีต่างๆได้ก้าวหน้าและพัฒนาไปไกลมาก แม้ประเด็นการล้อปมด้อยหรือการบุลลี่รูปร่างหน้าตาจะยังไม่หมดไป แต่ด้วยเทคโนโลยีของศตวรรษที่ 21 ขุนช้างนั้นมีตัวเลือกมากมายที่สามารถพัฒนาตัวเองให้ดูดีแล้วสร้างเสน่ห์ให้สาวรักสาวหลง จนอาจไม่ต้องไปสร้างวีรกรรมเล่นเล่ห์เพทุบายหลอกสาวมาเป็นเมียจนถูกตราหน้าเป็นตัวร้ายแบบในวรรณกรรมเดิมก็ได้ เรียกว่าแค่เดินผ่านแม่วันทองยังต้องมองเหลียวหลังเลยล่ะ


ถ้าขุนช้างเกิดในยุค 21s?

ปัญหาของขุนช้างคือ ถึงแม้บุญกุศลจะหนุนนำให้เกิดมาในครอบครัวที่อภิมหารวย แต่เจ้ากรรมนายเวรก็ได้มาเอาคืนในรูปแบบที่มีรูปร่างหน้าตาที่คนทั่วไปไม่ยอมรับ หรือพูดตรงๆก็คือหน้าตาน่ารังเกียจ ใครพบเจอก็ไม่อยากอยู่ใกล้ โดยช่วงหนึ่งของเสภาได้บรรยายรูปลักษณ์ของขุนช้างไว้ว่า


" จะกล่าวถึงขุนช้างเมื่อรุ่นหนุ่ม

หัวเหมือนนกตะกรุมล้านหนักหนา

เคราคางขนอกรกกายา

หน้าตาดังลิงค่างที่กลางไพร "


ภาพจาก IG @oneบันเทิง


ในเบื้องต้น เราสามารถสรุปปัญหาเคสของขุนช้างได้ว่า...

หัวล้านมาแต่กำเนิด

มีลักษณะรูปร่างอวบอ้วน

รูปชั่วตัวดำ มีขนรกรุงรังตามร่างกายเปรียบได้กับลิงป่า


โชคดีที่ปัญหาดังกล่าว มีทางออกแล้วในยุคสมัยนี้ ซึ่งวันนี้ บริษัท ไอบีเอสเธติคส์ เลเซอร์ จึงขอเสนอความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่สามารถช่วยบรรเทาปมความทุกข์ในใจของคนอย่างขุนช้าง อันเกิดจากการเหยียดหยามรูปกาย และปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นบุรุษเจ้าเสน่ห์ สร้างโอกาสที่ดีทางสังคม ถูกจริตคนรอบข้าง และเอาชนะใจนางพิม ได้ด้วยวิธีการดังนี้


1. หัวล้านมาแต่กำเนิด
การแก้ปัญหาหัวล้าน ทำได้โดยการกระตุ้นเซลล์รากผมให้เร่งการสร้างเส้นผมใหม่ที่ดี ดกดำ และแข็งแรง ในปัจจุบันวิธีการที่นิยมได้แก่


Dermapen / Electroporation needle EPN
เป็นการใช้เข็มขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางไม่กี่ไมครอน (1 ใน 1,000 ส่วนของมิลลิเมตร) แทงเข้าไปที่หนังศีรษะจึงทำให้เกิดรูพรุนขนาดเล็ก รูที่เกิดขึ้นเปรียบเสมือนร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผล ร่างกายจึงกระตุ้นเซลรอบๆให้ซ่อมแซมตนเอง เกิดเป็นการเร่งกระบวนการเจริญเติบโตของเซลขนานใหญ่ การเติบโตของเซลล์มากกว่าระยะปกติหลายเท่า บางผู้ผลิตอาจมีออปชั่นให้มีการปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆร่วมด้วยเพื่อเสริมผลของการเจริญเติบโตอีกแรง นอกจากนี้รูเล็กๆที่เกิดขึ้น ร่วมกับเข็มปล่อยไฟฟ้ายังช่วยส่งยาปลูกผมแบบทาหรือเซรั่มที่มีส่วนผสมของ Oligopeptide ให้ซึมลึกลงสู่หนังศรีษะเพื่อช่วยบำรุงรากขนได้ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


LED ย่อมากจา Light Emittimg Diode

ซึ่งก็เป็นเทคโนโลยีเดียวกับจอโทรศัพท์มือถือหรือหลอดไฟที่เราใช้ตามบ้านกันนั่นเอง หากแต่ LED ที่ใช้รักษาผมร่วงนี้จะมีลักษณะพิเศษที่ให้เฉพาะความยาวคลื่นแสงที่เหมาะสมกับแต่ละโรคที่จะทำการรักษา

แม้ว่าจะมีการนำ LED มาใช้ในการปลูกผมอย่างแพร่หลาย โดยใช้ความยาวคลื่นแสงในช่วงอินฟราเรด ถึงแม้ว่าในปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยที่บอกได้ว่าการใช้ LED ช่วงความยาวคลื่นดังกล่าวช่วยกระตุ้นการสร้างรากผมได้มากน้อยเพียงใด แต่ก็มีงานวิจัยที่บอกว่า LED มีส่วนช่วยขยายหลอดเลือด ซึ่งเป็นตัวกลางในการลำเลียงสารอาหาร ออกซิเจน และช่วยกำจัดของเสียออกจากเซลล์ ซึ่งก็อาจให้ผลทางอ้อมในการทำให้ได้ผมดกดำแข็งแรงขึ้นนั่นเอง



ปลูกผมจากเส้นผมของตัวเอง มี 2 แบบ
แบบ FUT (Follicular Unit Transplantation) เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก แพทย์จะตัดหนังศีรษะเป็นแผงออกมาจากบริเวณท้ายทอย แล้วแยกเฉพาะรากผมที่ต้องการ แล้วฝังปลูกลงไปใหม่ในบริเวณที่มีศีรษะที่ล้าน

แบบ FUE (Follicular Unit Excision) เป็นการปลูกผมที่นิยมในปัจจุบัน แพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายสว่านปลายแหลมเจาะเส้นผมบนหนังศีรษะมาทีละช่อ แล้วปลูกเข้าไปใหม่ในบริเวณที่มีศีรษะล้าน ซึ่งวิธีนี้ผู้เข้ารับการรักษาจะเจ็บตัวน้อย ไม่ต้องพักฟื้นนาน



2. มีลักษณะรูปร่างอวบอ้วน หรือมีไขมันตามร่างกายปริมาณมาก
ปัจจุบันเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องไขมันมีเยอะมากในท้องตลาด วันนี้เราจึงมาอธิบายให้ทุกท่านได้รู้จักแต่ละเทคโนโลยี ว่าแต่ละเทคโนโลยีแตกต่างกันอย่างไร


cryolipolysis คือการใช้ความเย็นที่เหมาะสมในการทำให้ไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนัง (subcutaneous fat)
cryolipolysis เป็นเทคโนโลยีการกำจัดไขมันที่ไม่เหมือนใคร กล่าวคือเป็นการ “เร่งเวลา” ให้เซลไขมันเกิด apoptosis หรือการหมดอายุขัยของเซลตามธรรมชาติ โดยกระบวนการดังกล่าวนั้น หากเป็นการหมดอายุขัยโดยทั่วไป เซลล์ไขมันจะอยู่ในร่างกายเราได้เป็น “สิบๆปี” แต่หากใช้กระบวนการ cryolipolysis จะสามารถช่วยย่นระยะเวลานี้เหลือเพียงแค่ “90 วัน” อีกทั้งการหมดอายุขัยตามธรรมชาติยังเป็นกระบวนการที่ไม่ทำให้เกิดรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และไม่เจ็บ จึงปลอดภัยมากกว่าการสลายไขมันด้วยวิธีอื่นๆในอดีต เพียงแต่ต้องรอเวลาหน่อยเท่านั้น ในการรักษาแต่ละครั้งสามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันในบริเวณที่ทำการรักษาได้ประมาณ 20% จะเริ่มชัดเจนในสัปดาห์ที่ 6 และดีขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องจนถึง 2 ถึง 4 เดือนหลังการรักษา



RF หรือ Radio Frequency
เทคโนโลยีในการรักษาโดยวิธีการปล่อยคลื่นไฟฟ้าสลับขั้วไปมาในช่วงความถี่คลื่นวิทยุ ในช่วงความถี่ 0.3 - 0.5 MHz (เมกะเฮริตซ์)

RF เป็นวิธีการที่ปลอดภัยเพื่อสร้างให้เกิดความร้อนขึ้นในเนื้อเยื่อร่างกาย หรือถ้า therapist ที่ทำการรักษามีเทคนิคดี ๆ หน่อยก็อาจจะเพิ่มการนวดพร้อม ๆ กันกับการให้ความร้อนด้วยพลังงาน RF ซึ่งจะทำให้เกิดการไหลเวียนเลือด กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนรูปของพลังงานจากภายใน ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 3° C- 5° C ช่วงเร่งอัตราการเผาพลาญไขมันซึ่งเป็นวิธีการที่ปลอดภัย เพราะอุณหภูมิของร่างกายจะถูกกระตุ้นให้สูงขึ้นไม่เกิน 42° C นอกจากนี้ยังได้ผลในการกระชับคอลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ทำให้ผิวฟู เต่งตึง เหมือนผิวเด็ก หลอดเลือดขยายตัว ช่วยให้เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนได้ดี มีการขับของเสียในระบบน้ำเหลือง


cavitation ultrasound ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง
ส่งไปยังใต้ชั้นผิวทำให้เกิดฟองอากาศพลังงานสูงในชั้นไขมัน แล้วเกิดแตกตัวทำลายเซลล์ไขมันส่งผลให้เซลล์ไขมันหดตัวเเละมีขนาดเล็กลงได้ในทันที ดังนั้นข้อดีของการสลายไขมันด้วย Cavitation Ultrasound คือ ช่วยลดไขมันเเละทำให้ผอมลงได้โดยไม่ใช้เวลานาน เรียกว่าเเทบสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ ส่วนข้อเสียก็อย่างที่บอกไปว่า Cavitation Ultrasound นั่นเป็นการลดไขมันให้มีขนาดเล็กลง เเต่ไขมันไม่ได้ตายไปอย่างถาวรจึงจำเป็นต้องเวียนกลับมาทำซำ้บ่อยๆ นั่นเอง นอกจากนี้ยังอาจมีเสียงจี๊ดๆดังอยู่ในหูระหว่างการรักษา อันเกิดมาจากการสะท้อนของคลื่นเสียงไปมาในร่างกายเราจนไปถึงหูนั่นเอง




HIFEM (High Intensity Focused Electromagnetic Field) หรือที่ตอนนี้นิยมเรียกว่าเครื่องสร้างซิกแพค
เป็นเทคโนโลยีที่ใช้สนามเเม่เหล็กไฟฟ้ากระตุ้นให้เส้นประสาทสั่งการให้กล้ามเนื้อหดและคลายตัวเป็นจังหวะโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งตัวกลางเเละจะส่งผลลงไปยังชั้น Subcutaneous muscle จึงไม่เกิดความร้อนสะสมจนเป็นอันตราย ซึ่งการคลายตัวเเละหดตัวที่เกิดขึ้นจะมากกว่าการออกกำลังกายปกติ โดยหากกล้ามเนื้อได้ออกกำลังกายมากขึ้น กล้ามเนื้อก็ต้องการพลังงานมาหล่อเลี้ยงมากขึ้น จนไปดึงไขมันที่อยู่ในหน้าท้องออกมาเผาผลาญเพื่อเอาพลังงาน ส่งผลทางอ้อมในการลดพุงควบคู่ไปกับการมีหน้าท้องเป็นลอนสวยงามน่าดึง(มา)ดูดที่สุดเลยเชียว


3. รูปชั่วตัวดำ มีขนรกรุงรังตามร่างกายเปรียบได้กับลิงป่า
ซึ่งปัจจุบันมีหลายเทคโนโลยีที่สามารถช่วยกำจัดขนได้ แต่ประสิทธิภาพหรือผลลัพท์ก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละเทคโนโลยี ดังนี้


IPL (Intense Pulsed Light) VS Diode laser
IPL เป็นหนึ่งในพลังงานแสง(ที่มักจะสับสนกับเลเซอร์) IPL มีช่วงความยาวคลื่นที่กว้างกว่า ตั้งแต่ 400-1,200 นาโนเมตร และลำแสงมีการกระจายตัว ไม่รวมเป็นจุดเหมือนกับเลเซอร์ การกำจัดขนด้วย IPL คือการใช้คลื่นแสงความเข้มข้นสูง โดยมีการใส่ filter เพื่อเลือกเฉพาะช่วงคลื่นที่จะไปจับกับเม็ดสีในขน เกิดเป็นความร้อนแผ่ไปถึงบริเวณรากขน ทำให้รากขนตาย (บางครั้งอาจได้ยินเสียงแป๊ะๆ คือน้ำในรากขนเดือดจนระเบิดออกจากรูขุมขนนั่นเอง)

การกำจัดขนด้วย IPL เทียบกับเลเซอร์แล้วจะได้ผลน้อยกว่า เนื่องจากพลังงานมีการกระจายตัว และมีการกรองเฉพาะช่วงคลื่นดังที่กล่าวข้างต้น Diode laser จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากความช่วงความยาวคลื่นแสงเลเซอร์ที่ผลิตได้จากเครื่องจะมีความจำเพาะเจาะจงเป็นช่วงแคบๆตั้งแต่ต้น ทำให้พลังงานโดยรวมสูงกว่าแสงจาก IPL โดยในปัจจุบันที่นิยมใช้นั้นมีช่วงคลื่นความยาวตั้งแต่ 800-810, 940, 1064 – 1350 นาโนเมตร Diode Laser สามารถถูกดูดซับโดยเม็ดสีของเส้นขนได้ค่อนข้างมากกว่าเนื้อเยื่อชนิดอื่น และสามารถก่อให้เกิดการแผ่ความร้อนลงลึกถึงผิวหนังชั้นในส่วนลึกได้ จึงทำให้มีความสามารถในการกำจัดขนสูงเมื่อเทียบกับการใช้เลเซอร์ชนิดอื่น ๆ


ND yag laser
เป็นเลเซอร์กำจัดขนแบบที่ได้รับความนิยมมากในอดีต YAG Laser คือคลื่นพลังงานเลเซอร์ที่มีช่วงความยาวของคลื่นอยู่ที่ 1064 nm ซึ่งช่วงความยาวคลื่นขนาดนี้จะสามารถลงลึกไปในผิวหนังชั้นลึกได้ถึง 7 มิลลิเมตร อีกทั้งยังสามารถจับกับเม็ดสีของเส้นขนได้ดี จึงทำให้สามารถกำจัดเส้นขนได้อย่างหมดจด แต่ช่วงระยะเวลาในการปล่อยแสงจะนานกว่า Diode Laser และคลื่นแสงช่วง 1064 นาโนเมตรนั้นสามารถจับกับเนื้อเยื่ออื่นๆนอกเหนือจากเม็ดสีในเส้นขนได้อีกหลายชนิด ทำให้เกิดผลข้างเคียงเป็นการแสบร้อน รอยแดง หรือเป็นผื่น ได้มากกว่า Diode laser



นอกจากนี้การทำบุญตักบาตร ร่วมกับการตั้งจิตอธิฐานให้เจอคนที่เข้าใจในตัวตนของเรามากกว่าสนใจรูปลักษณ์ภายนอกก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี แต่อาจจะต้องอาศัยแต้มบุญที่สูงพอควร ดังนั้นหากต้องการผลลัพธ์ที่แน่นอนและไม่อยากโดนบุลลี่ด้วยทัศนคติดึกดำบรรพ์เกือบ 300 ปีเหมือนขุนช้าง การใช้เทคโนโลยีปัจจุบันให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตัวเราก็เป็นทางเลือกที่น่าจะคุ้มค่ากับการลงทุน เรียกได้ว่าแค่ปรับตัวเองให้ดูดีขึ้น สร้างภาพลักษณ์ให้น่านับถือ ก็อาจส่งผลอันใหญ่หลวงทั้งในแง่การงาน สังคม และความรักได้เลยทีเดียว


เพราะสุดท้ายแล้ว “ขุนช้าง” ก็ยังยึดมั่นในความรักที่ รักเดียวใจเดียวไม่เปลี่ยแปลง ให้กับนาง วันทอง แต่เพียงผู้เดียวแม้ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เราจึงคิดว่าถ้า ขุนช้าง แลกกับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ดูแลตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เสน่ห์ที่เพิ่มขึ้น อาจจะทำให้ นาง วันทอง หันกลับมาเหลียวแลเข้าสักวัน


แล้วคุณละ ? พร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนที่คุณรักแล้วหรือยัง ?

บริษัท ไอบี เอสเธติคส์ เลเซอร์ เป็นบริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และนวัตกรรมเทคโนโลยีทางด้านความงามครบวงจรที่ดีที่สุด สิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุดคือการสร้างมาตรฐานเครื่องมือแพทย์พร้อมให้คำปรึกษาตรวจสอบความปลอดภัย สอบเทียบมาตรฐาน และ การบำรุงรักษาเครื่องมือแพทย์ทางด้านความงามเพื่อรองรับการใช้งานภายใต้เกณฑ์มาตรฐานเครื่องมือแพทย์ในระดับสากล หากท่านใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเทคโนโลยี เราพร้อมให้คำปรึกษาอย่างเต็มประสิทธิภาพ


สอบถามปัญหา ข้อมูลผลิตภัณฑ์ หรือติดตามทุกความเคลื่อนไหววงการ “เครื่องมือแพทย์ความงาม”ได้ที่

Official Fanpage : https://www.facebook.com/IB.Aesthetics.Laser.Co.Ltd

Line Official Account : https://lin.ee/5j5Z42I

โทรศัพท์

02 - 732 - 3395

094 - 468 - 2444 ( Product & Service )

097 - 135 - 2648 ( Marketing )

________________________________________________________________________________

บทความเพิ่มเติม

ข้อแตกต่าง 3 เทคโนโลยีสลายไขมัน

5 เหตุผลที่ควรทำ SupraEMT

ไขข้อสงสัย Supra EMT คำถามที่พบบ่อยที่สุด